10 April 2006

ΠΛΑΝΗΤΕΣ



แม้ตอนเป็นเด็ก ผมจะเป็นเด็กเพ้อเจ้อเงียบ นึกอยากเป็นนั่นเป็นนี่อยู่มากมาย ตั้งแต่ครองโลกแบบดร.มาชิริโตะ ไปจนถึงเด็กขัดรองเท้าตามสถานี แต่ก็ไม่เคยนึกฝันอยากจะเป็นคนเก็บขยะ แต่ถ้าการเป็นคนเก็บขยะจะเป็นหนทางเดียวของการได้ออกสู่อวกาศ ผมก็ไม่นึกลังเลยที่จะทำ

ให้ตายสิ ถึงบางทีเวลาผมมองไปยังฮาจิมากิ ผมจะเห็นบางอย่างในตัวผมอยู่ในนั้น แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะฝ่าไปถึงขั้นนั้นได้

Planets เป็นการ์ตูนอวกาศที่ดูจริงจัง หากแต่อารมณ์ที่ได้รับต่างจาก Passport Blue โดยสิ้นเชิง เทคโนโลยีที่นำไปสู่อวกาศเป็นเพียงเปลือกนอก ความรักของมนุษย์ต่างหากที่เป็นผู้นำพาเรื่องราว แม้ผมจะปรามาสการ์ตูนขนาดสั้นไว้มากมาย แต่สี่เล่มของ Planetes กลับอุดมสมบูรณ์แม้ในหนึ่งตอน

ยิ่งโตขึ้นๆการอ่านอะไรวนซ้ำรอบที่สองกลายเป็นเรื่องต้องห้าม กับโลกที่เคลื่อนผ่านหมุนวนสุดรวดเร็ว ทุกการกระทำกลายเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวด การกระทำที่ไม่สามารถพาตัวเองไปข้างหน้ากลายเป็นเรื่องไม่อาจยอมรับได้

แต่ผมก็เลือกอ่านแต่ละตอนวนซ้ำไปมาอย่างไม่รู้เบื่อ ทุกครั้งที่อ่านถึงบารอนมนุษย์จากดาวเรติเคิลผู้ถูกลงโทษ ผมนึกคุ้นเคยเหมือนได้พบเจอพวกพ้อง ไม่รู้จะมีซักกี่คนที่ถูกลงโทษอยู่ตอนนี้

การสื่อสารผ่านทางจิตที่โดนริดรอน ทำให้เรื่องราวมากมายซับซ้อนเกินความจริง การใช้ถ้อยคำที่ฟุ่มเฟือยเป็นเรื่องหฤหรรษ์กึ่งจำเป็นของมนุษย์โลกในปัจจุบัน ผมคงต้องเรียนรู้ตรงนั้นอีกหลายส่วน เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้รับการยกโทษ ให้สามารถเคลื่อนสารผ่านจิตอีกครั้ง


บางทีผมอาจจะไม่ต้องดิ้นรนไปสู่อวกาศอีกแล้ว เพราะผมก็เชืิ่ออย่างที่ฮาจิมากิเชื่อว่าอวกาศนั้นอยู่รอบๆตัวเรา และเราก็เป็นส่วนหนึ่งของอวกาศ หากเชื่อเช่นนั้นผมคงไม่ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนพยายาม เอาแค่เวียนว่ายหมุนวนอยู่ในจิตใจ ก็คงพบความมืดมิดไร้ทางออกไม่แพ้กัน

แต่น่าแปลกว่าแม้จะรู้คำตอบอยู่ในที แต่ผมก็ยังคงมุ่งหวังที่จะได้ค้นหาคำตอบของตัวเองอยู่ดี ผมคงติดนิสัยยุ่งยากของมนุษย์ จนยากจะสลัดหลุดซะแล้ว

1 comment:

Anonymous said...

thanks for your inspiration !