03 September 2006

Baby, baby, never let me go

Never Let Me Go

ชีวิตที่มีจุดจบอันเป็นนิรันดร์พาให้ร่างกายผมสั่นสะท้าน
ผมเดินทางผ่านบรรทัดสุดท้ายไปได้ครู่ใหญ่แล้ว แต่ยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง
ผมมองไปที่ตู้อบผ้าเบอร์ 65
เสื้อผ้าที่อบไว้คงถูกคลื่นความร้อนบวกการหมุนวนทำให้แห้งเรียบร้อยแล้ว

ผมพลิกดูให้แน่ใจว่าหลังบรรทัดสุดท้ายอันโหดร้าย จะไม่มีเรื่องราวใดๆเพิ่มเติม ก่อนจะเก็บหนังสือใส่กระเป๋า เดินไปหยิบเสื้อผ้ามากอง ก่อนค่อยๆพับให้เรียบร้อย เป็นการกำจัดขั้นตอนการรีดไปในตัว
จำไม่ได้แน่ว่าใครบอกไว้ว่า ชีวิตสั้นเกินกว่าจะมารีดผ้า
ตอนนี้ผมเดินตามทางนี้อย่างเคร่งครัดและซื่ืื่อตรง

Never Let Me Go เป็นหนังสือเล่มแรกของ Kazuo Ishiguro ที่ได้หยิบมาอ่าน แม้ชื่อหนังสือจะขัดกับการเดินทางของผมอย่างจงใจ แต่ผมก็เลือกจะหยิบมาอ่านเป็นเล่มแรก ทฤษฎีต่างๆที่โผล่ขึ้นมารองรับประเด็นต่างๆในเีืรื่องราวช่างหฤหรรษ์และเฉียบขาด

แม้เคยได้ยินมาก่อน ว่าบทสุดท้ายของหนังสือ Never Let Me Go
แสนเศร้าและน่าพรั่นพรึง พอได้พบผ่านด้วยตัวเองแล้วนั่นไม่ใช่คำพูดเกินเลย
แม้ว่าเมื่อเริ่มอ่านจะมองเห็นเส้นทางไปถึงบทสุดท้าย
แต่ก็ไม่สามารถจะสะกดความเศร้านั้นไว้ได้เมื่อเดินทางไปถึงบทสรุป

เสื้อผ้าถูกพับเรียบร้อยชนิดพร้อมออกวางขาย บรรจงหยิบใส่กระเป๋าแล้วเดินจากร้านซักรีดออกมา พลันคิดถึงของบางชิ้นที่ทำหายไปแ้ล้ว ก็นึกอยากออกไปตามหาที่ Norfolk บ้าง เหลือเกิน

ปล. จะว่าไป ไม่เคยรู้มาก่อนว่าอ่านหนังสือในร้านซักผ้าช่างเพลิดเพลินนัก คนเดินเข้าออกให้ขวักไขว่ เสื้อผ้าไหลวนไปกับสายน้ำ รอเวลากลับฟื้นคืนสะอาด เสียงแม่บ้านจับกลุ่มคุยกันจ๊อกแจ่กให้ิอุ่นใจ ใครอยากลองก็ขอเชิญ

2 comments:

Anonymous said...

พ่อบ้านมากๆ :)

หนังสือสำหรับการรอซักผ้าในร้านหยอดเหรียญเรอะ? ตอนนี้คงหยิบ 'นาครเกษม' ของคุณคอยนุช มาอ่านคะ อ่านหรือยัง? น่ารักมาก

ps. สรุปกันไปแล้วว่าทำหนังสือด้วยหน้าปกอันที่สองคะ :)

s65 said...

สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ก็เลยกลายเป็นแบบนั้น
"นาครเกษม" หรือ สงสัยคงต้องอีกพักใหญ่ กว่าจะมีโอกาสได้หามาอ่าน

ปล.ยินดีด้วยที่กำลังจะออกมาเป็นรูปเป็นร่าง :)